เกี่ยวกับโครงการ
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
บ้านเรือนและชุมชนพื้นถิ่นซึ่งโดยมากตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทนับเป็นภูมิทัศน์วัฒนธรรมที่สำคัญประเภทหนึ่ง (สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2549) ที่เกี่ยวเนื่องกับการตั้งถิ่นฐานและมีพัฒนาการทางสภาพแวดล้อม สังคม การปกครอง วัฒนธรรม และเศรษฐกิจที่มีรูปแบบเฉพาะเป็นของแต่ละท้องถิ่น บ้านเรือนและชุมชนพื้นถิ่นเหล่านี้นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนทางสังคมวัฒนธรรมของชุมชนในแต่ละท้องที่ และตามแต่ละช่วงเวลาแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นภูมิปัญญาในการอยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อม รวมถึงการใช้ทรัพยากรและและเทคโนโลยีในการก่อสร้างได้อย่างเหมาะสม บ้านเรือนพื้นถิ่นและภูมิทัศน์โดยรอบในแต่ละชุมชนนับเป็นทรัพยากรทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า (ธนิก เลิศชาญฤทธ์, 2554) ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ตกทอดสู่คนรุ่นต่อๆ มาโดยลำดับ (วีระ อินพันทัง, 2553:11-12) และมักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ (Oliver, 1969; 2003; Pinijvarasin 2008) แต่เนื่องจากการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมของประเทศไทย มีผลทำให้ค่านิยมการอยู่อาศัยของผู้คนในสังคมเปลี่ยนแปลงไป และหันไปให้ความสำคัญต่อกระแสวัฒนธรรมใหม่หรือกระแสนิยมความทันสมัยมากกว่าภูมิปัญญาการอยู่อาศัยแบบดั้งเดิมของท้องถิ่นของตน การเป็นอยู่ในลักษณะดั้งเดิมถูกมองเป็นเรื่องล้าสมัยและไม่เหมาะสมกับวิถีความเป็นอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงค่านิยมการอยู่อาศัยของผู้คนในสังคมเหล่านี้มีผลทำให้เรือนและชุมชนพื้นถิ่นที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมลดลงไปเป็นจำนวนมากในหลายท้องถิ่น ในหลายกรณีมักถูกรื้อถอนและถูกแทนที่ด้วยปลูกสร้างด้วยบ้านเรือนพักอาศัยที่มีลักษณะและรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่พบได้ในเขตเมืองโดยทั่วไป อนึ่งลักษณะของที่ว่างทางสถาปัตยกรรมนับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเงื่อนไขต่อการประพฤติปฏิบัติตนและมีผลต่อการรับรู้ ความคิด และความเชื่อของผู้คนในสังคมนั้นๆได้ และทั้งสามส่วนนี้มีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องที่มีผลต่อกันและกัน (Reflective relation) ซึ่งหากมีปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเปลี่ยนก็ย่อมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยอื่นๆตามไปด้วย (Rapoport, 1982) ทั้งนี้บ้านและเรือนพื้นถิ่นของไทย โดยเฉพาะในภูมิภาคภาคกลาง นับเป็นส่วนที่เอื้อให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (Social interaction) อันดีทั้งในระดับครอบครัว เครือญาติ และชุมชน (Pinijvarasin, 2008) ดังนั้นการหายไปของบ้านเรือนพื้นถิ่นนอกจากจะทำให้เกิดสูญเสียอัตลักษณ์ของท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรมของท้องถิ่นไปได้อีกด้วย
. จากการที่การเคหะแห่งชาติ โดยฝ่ายวิชาการพัฒนาที่อยู่อาศัย ได้ตระหนักถึงคุณค่าของ
ภูมิปัญญาท้องถิ่นของบรรพบุรุษด้านการสร้างที่อยู่อาศัย เป็นสถาปัตยกรรมที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ตลอดจนบ่งบอกถึงวิวัฒนาการของรูปแบบที่อยู่อาศัยและวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเรือนที่แตกต่างกันตามยุคสมัยตามสภาพพื้นที่และวัฒนธรรม และเป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่าทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และเอกลักษณ์ที่หลากหลาย แต่กำลังถูกผลกระทบจากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีการก่อสร้างที่พัฒนาไปใช้วัสดุก่อสร้างในระบบอุตสาหกรรม ทำให้สามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยในรูปแบบเดียวกันจำนวนมากในเวลารวดเร็ว เกิดปัญหาด้านรูปแบบและเอกลักษณ์ของที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งกระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศให้เรือนไทยพื้นบ้านดั้งเดิมเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมปี 2554 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2554 จึงเห็นความจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเพื่อรวบรวมองค์ความรู้รูปแบบที่อยู่อาศัยและวิถีการอยู่อาศัยของคนไทย มาจัดการความรู้ ประมวลเป็นชุดองค์ความรู้แล้วผลิตเป็นสื่อในรูปแบบต่างๆเผยแพร่ให้สาธารณชนได้เรียนรู้ และนำไปพัฒนาต่อยอดเพื่อสืบสานภูมิปัญญาให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป ทั้งนี้มีการดำเนินงานในลักษณะโครงการวิจัยภายใต้การสนับสนุนสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ต่างๆ ของเรือนพื้นถิ่น ทั้งในด้านวิวัฒนาการของเรือน คติความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีความเป็นอยู่ และสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ ที่สะท้อนเป็นอัตลักษณ์ของเรือนพื้นถิ่น โดยมีการดำเนินโครงการใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ทั้งนี้คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมดำเนินโครงการวิจัย โดยมีพื้นที่ศึกษาในภาคกลางตอนล่าง โดยเลือกจังหวัดเพชรบุรี โดยเฉพาะในบริเวณอำเภอบ้านลาดเป็นกรณีศึกษา (วันดี พินิจวรสิน และคนอื่นๆ, 2557)
. ผลการศึกษานอกจากจะทำให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของเรือนและชุมชน องค์ความรู้ที่เป็นภูมิปัญญาที่เกิดจากการอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมในเรือนไทยเมืองเพชร และการดำเนินชีวิตในลักษณะของความพอเพียงของชาวบ้านที่เป็นกรณีศึกษาแล้ว ยังมีการจัดทำเป็นฐานข้อมูลด้านสถาปัตยกรรม ลักษณะการอยู่อาศัย และการจัดทำชุดข้อมูลสื่อสารสนเทศที่สามารถเผยแพร่สู่สาธารณะในหลายรูปแบบทั้งสื่อวีดีทัศน์ หนังสืออิเลคทรอนิคส์ เว็บไซต์ และ Facebook page ผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ผลของการดำเนินการศึกษาวิจัยได้ถูกนำไปเผยแพร่ผ่านการจัดการประชุมวิชาการและนิทรรศการระดับชาติ เรื่อง “การจัดการความรู้เรื่องที่อยู่อาศัย และวิถีการอยู่อาศัยผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่น: สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่อยู่อาศัย 4 ภาค” เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2557 อีกด้วย ผลของการจัดประชุมในครั้งนี้ ผู้ทรงคุณวุฒิได้ให้ความเห็นว่า แม้ว่าในปัจจุบันบ้านเรือนและชุมชนพื้นถิ่นจะมีจำนวนลดลงอย่างมาก แต่ก็ยังมีจำนวนไม่น้อยที่ยังคงดำรงอยู่และยังสามารถสะท้อนความสำคัญของท้องถิ่นที่สัมพันธ์ไปกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นจึงควรมีการศึกษาและรวบรวมองค์ความรู้ต่างๆของเรือนและชุมชนพื้นถิ่นเหล่านี้ให้ต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะในภูมิภาคภาคกลาง แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการศึกษาเรือนไทยพื้นถิ่นในแถบภูมิภาคภาคกลางอย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังคงมีเรือนไทยพื้นถิ่นในอีกหลายท้องถิ่นของภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใกล้ศูนย์กลางการพัฒนา มีความเสี่ยงต่อการสูญหายและแปรเปลี่ยนได้มาก และสมควรได้รับการศึกษาค้นคว้าในแง่มุมนิเวศวิทยาวัฒนธรรม ตลอดจนการประมวลข้อมูลและจัดทำเป็นชุดความรู้เพื่อการเผยแพร่ต่อไป
. อย่างไรก็ตามนอกจากการดำเนินศึกษาวิจัยเพื่อการจัดการความรู้เรื่องที่อยู่อาศัยและวิถีการอยู่อาศัยผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่นของ 4 ภูมิภาคแล้ว ฝ่ายวิชาการพัฒนาที่อยู่อาศัย การเคหะแห่งชาติยังได้มีการดำเนินการให้มีการจัดทำสื่อ Animation ในลักษณะพิพิธภัณฑ์เสมือน (Virtual Museum) เพื่อบอกเล่าเรื่องราว คุณค่าและภูมิปัญญาเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และการอยู่อาศัยของผู้คนในท้องถิ่นต่างๆเพื่อการเผยแพร่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ดังนั้นเพื่อให้เกิดความสอดคล้องของการรวบรวมองค์รู้ จึงควรมีการนำสื่อสารสนเทศชุดองค์ความรู้เกี่ยวกับเรือนและชุมชนพื้นถิ่นในจังหวัดเพชรบุรีมาพัฒนาต่อยอดรูปแบบของการจัดสื่อ Animation ในลักษณะพิพิธภัณฑ์เสมือนเช่นกัน พร้อมไปกับการขยายฐานการศึกษาวิจัยของเรือนและชุมชนพื้นถิ่นในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ที่นอกจากจะเพื่อค้นหาอัตลักษณ์และภูมิปัญญาผ่านสถาปัตยกรรมและวิถีการอยู่อาศัยของท้องถิ่น และการจัดทำฐานข้อมูลเป็นชุดองค์ความรู้สื่อสารสนเทศแล้ว ยังเพื่อเป็นการจัดทำพิพิธภัณฑ์เสมือนที่สามารถเผยแพร่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตร่วมด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้าชมเกิดความสนใจ ติดตาม หรือสืบค้น ในขณะเดียวกันได้รับความรู้ความเข้าใจ อันจะนำสู่การเห็นคุณค่าความสำคัญของภูมิปัญญาด้านที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิตของท้องถิ่น และเกิดการสืบสานการอนุรักษ์คุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมของประเทศเหล่านี้ให้คงอยู่สืบไป
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
- เพื่อสำรวจและรวบรวมข้อมูลที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิตการอยู่อาศัยในทุกมิติ ในพื้นที่ศึกษาบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
- เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพของและมิติทางวัฒนธรรม และภูมิปัญญาจากการปรับตัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของท้องถิ่นที่ศึกษา
- เพื่อจัดการความรู้เรื่องที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิตการอยู่อาศัยด้านมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นในมิติของชาติพันธุ์ การตั้งถิ่นฐาน สถาปัตยกรรม ศิลปวัฒนธรรม โดยสร้างสรรค์สื่อเป็นชุดองค์ความรู้อย่างเป็นรูปธรรมของท้องถิ่นที่ศึกษา
- เพื่อสำรวจจัดเก็บข้อมูลที่อยู่อาศัยของครัวเรือนหรือที่อยู่อาศัย และองค์ประกอบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจัดทำฐานข้อมูลในระบบภูมิสารสนเทศของท้องถิ่นที่ศึกษา
- เพื่อศึกษาแนวทางการสร้างเครือข่ายโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น และสถาบันการศึกษา เพื่อเป็นเครือข่ายการเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับเผยแพร่ความรู้แบบบูรณาการที่ครบวงจร
- เพื่อจัดทำสื่อมัลติมีเดีย (Multimedia) และเว็บเพจ (Webpage) ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์เสมือน (Virtual Museum) สำหรับเผยแพร่ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของเรือนและชุมชนพื้นถิ่นในท้องถิ่นที่ทำการศึกษา
ขอบเขตของงาน และวิธีการดำเนินงาน
ขอบเขตด้านเนื้อหา
เนื้อหาด้านสถาปัตยกรรม ศึกษา สำรวจ เก็บข้อมูลรูปแบบที่อยู่อาศัยแบบประเพณีและวิถีการอยู่อาศัยในทุกมิติ จำนวน 31 หลัง ในจำนวนนี้คัดเลือกเรือนเพื่อจัดทำสื่อสารสนเทศ บันทึกลงระบบฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ และเขียนแบบทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ จำนวน 5 หลัง และเฉพาะแบบ 2 มิติ จำนวน 10 หลัง รวม 15 หลัง
เนื้อหาด้านสื่อสารสนเทศ จัดทำเป็นสื่อชุดองค์ความรู้ และสารสนเทศแบบออนไลน์หรือเว็บไซต์ เพื่อการเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยแสดงข้อมูลชุมชนที่ทำการศึกษา องค์ความรู้เกี่ยวกับเรือนทั้ง 15 หลัง วีดีทัศน์ 3 เรื่อง รายงานวิจัยในรูปแบบ EBook และการจัดทำสื่อในรูปแบบของ Game animation และพิพิธภัณฑ์เสมือน
ขอบเขตด้านพื้นที่ศึกษา
การศึกษานี้พิจารณาเลือกพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นพื้นที่กรณีศึกษา เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่ในอดีต มีเอกลักษณ์ที่มีความโดดเด่น นับเป็นตัวแทนทางศิลปะสถาปัตยกรรมเรือนไทยของภาคกลาง โดยพิจารณาเลือกพื้นที่ศึกษาใน 3 พื้นที่ 4 ชุมชน ได้แก่
พื้นที่ที่ 1 บ้านเรือนที่ยังคงลักษณะไทยในพื้นที่ที่ยังคงมีลักษณะสภาพแวดล้อมแบบสะเทินน้ำสะเทินบก (พื้นที่แก้มลิงธรรมชาติ) มีพื้นที่ศึกษาในบริเวณชุมชนบ้านลาดชะโด อำเภอผักไห่
พื้นที่ที่ 2 ชุมชนที่มีบ้านเรือนที่ยังคงลักษณะไทยในพื้นที่ที่มีการควบคุมไม่ให้เกิดสภาวะน้ำท่วม
ในเขตชนบทห่างไกล: พื้นที่ศึกษาในบริเวณชุมชน ตำบลบ้านใหม่ อำเภอมหาราช
ในเขตเมือง: พื้นที่ศึกษาในบริเวณชุมชน ตำบลปากกราน อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา
พื้นที่ที่ 3 บ้านเรือนที่ยังคงลักษณะไทยในพื้นที่ที่ที่ถูกทำให้เกิดการโยกย้ายถิ่นฐาน มีพื้นที่ศึกษาในบริเวณชุมชนหมู่ 1 และ 2 ตำบลบ้านป้อม อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา
วิธีการดำเนินงาน
ผู้ยื่นข้อเสนอต้องเสนอวิธีการดำเนินงานโดยละเอียดและแผนการดำเนินงานประกอบอย่างละเอียด โดยจะต้องครอบคลุมประเด็นต่างๆ ดังนี้
- ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
- ศึกษาและรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น จากหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง เอกสารหลักฐานต่างๆ และเอกสารทางวิชาการอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง
- ศึกษาและสำรวจสภาพกายภาพของที่อยู่อาศัย สภาพสังคม วัฒนธรรม และภูมิปัญญาในพื้นที่ศึกษา
- สำรวจ สัมภาษณ์ เก็บรวบรวมข้อมูลเรือนพื้นถิ่นที่มีรูปแบบเรือนไทย ที่มีอยู่ในปัจจุบันในพื้นที่ศึกษา จำแนกรูปแบบสถาปัตยกรรม และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของลักษณะทางสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิต รวมถึงปัจจัยอื่นที่มีผลต่อลักษณะทางสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิต
- รวบรวมองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับการปลูกสร้างซ่อมแซมและการเปลี่ยนแปลงของเรือนพื้นถิ่นที่มีรูปแบบเรือนไทยในพื้นที่ศึกษา โดยแยกเป็นองค์ความรู้ด้านความมั่นคงของตัวบ้าน วิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณี
- สร้างกระบวนการมีส่วนร่วม โดยจัดประชุมรับฟังและระดมความคิดเห็นกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ประชาชน องค์กรท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
- จัดทำสื่อวีดีทัศน์ หรือสื่อ Animation ที่แสดงกระบวนการปฏิบัติงานต่างๆ ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติงานจนสิ้นสุดกระบวนการวิจัย เช่น การสำรวจภาคสนาม การประชุมรับฟังความคิดเห็น การประชุมสัมมนา เป็นต้น สำหรับเผยแพร่ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์
- จัดทำมัลติมีเดีย (Multimedia) และเว็บเพจ (Webpage) ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์เสมือน (Virtual museum) รวมถึงการจัดทำสื่อในรูปแบบของ Game animation แบบ Interactive ที่สะท้อนคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม เอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยคัดเลือกรูปแบบที่โดดเด่นในเอกลักษณ์ เพื่อจัดทำเป็นเกมสร้างสรรค์ อย่างน้อย 1 รูปแบบ สำหรับเผยแพร่ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
- จัดประชุมสัมมนาเผยแพร่ผลงานวิจัย
- วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดทำรายงาน
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
- ข้อมูลและความรู้ด้านรูปแบบที่อยู่อาศัยและวิถีการอยู่อาศัยของคนไทย ซึ่งรวบรวมศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและเอกลักษณ์ของชาติที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
- ข้อมูลสารสนเทศรูปแบบที่อยู่อาศัยและวิถีการอยู่อาศัยของคนไทย เพื่อประโยชน์ในการใช้ต่อยอดองค์ความรู้ในการวิจัยต่อไป
- สื่อสำหรับเผยแพร่ความรู้รูปแบบที่อยู่อาศัยและวิถีการอยู่อาศัยของคนไทย เผยแพร่ให้แก่หน่วยงาน สถาบันการศึกษา นักเรียน นักศึกษา และประชาชนผู้สนใจ
- แนวทางในการเผยแพร่องค์ความรู้ โดยใช้เครือข่ายเชื่อมต่อกับพื้นที่ที่เป็นแหล่งเรียนรู้
ผลลัพธ์ที่ได้จากงานวิจัย
- ส่งเสริมให้มีการจัดการองค์ความรู้ด้านเทคนิคงานช่างในการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นได้อย่างกว้างขวาง และจัดทำเป็นสื่อสารสนเทศเพื่อการเผยแพร่สู่สาธารณะ
- ส่งเสริมการประยุกต์การใช้เทคนิคงานช่างในการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น และสร้างความตระหนักเพื่อให้เกิดการกระตุ้นในการนำเทคนิคงานช่างที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นต่างๆ มาสร้างนวัตกรรมออกสู่สังคมในวงกว้าง
- การนำข้อมูลแบบเรือนที่ได้จากการสำรวจไปต่อยอดสำหรับจัดทำเป็นแบบบ้านสำหรับประชาชนในพื้นที่โดยหน่วยงานท้องถิ่น
เอกสารอ้างอิง
- ธนิก เลิศชาญฤทธ์. 2554. การจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์กรมหาชน).
- วันดี พินิจวรสิน, จตุพล อังศุเวช และสุภางค์กร พนมฤทธิ์. 2557. การจัดการความรู้เรื่องที่อยู่อาศัยผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่น (พื้นที่ภาคกลาง): กรณีศึกษา เรือนไทยพื้นถิ่นเมืองเพชรบุรี. ในรายงานการประชุมวิชาการและนิทรรศการระดับชาติ เรื่อง การจัดการความรู้เรื่องที่อยู่อาศัย และวิถีการอยู่อาศัยผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่น: สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่อยู่อาศัย 4 ภาค. วันที่ 22 สิงหาคม 2557. กรุงเทพฯ: คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. หน้า 80-129.
- วีระ อินพันทัง. 2553. ความหลากหลายทางวัฒนธรรมการปลูกสร้างเรือนไทยแห่งลุ่มแม่น้ำเพชรบุรี, วิทยานิพนธ์ ปริญญาดุษฎีบัณฑิต (สิ่งแวดล้อมสร้างสรรค์) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
- สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. 2549. แนวทางการจัดการภูมิทัศน์วัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พลับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน).
- Oliver, P. 1969. Primitive dwelling and vernacular architecture. Shelter and society. (ed. P. Oliver). London: Barries & Jenkins. pp. 7–12.
- Oliver, P. 2003. Dwellings: The vernacular house world wide. London: Phaidon.
- Pinijvarasin, W. 2008. Experiences of Well-being in Thai Vernacular Houses. Saarbrucken: VDM Verlag Dr. Muller.
- Rapoport, A. 1982. The meaning of the built environment: A nonverbal communication approach, Beverly Hills: Sage Publications.